TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2553/05/31

เที่ยวถ้ำภูผาเพชร จ.สตูล

28 พค 2553
พรุ่งนี้เป็นวันเกิดมะปรางก็ต้องพาไปเที่ยวซะหน่อย แต่คุณป๋าบอกว่าถ้าไปเที่ยววันเสาร์กลัวคนเยอะ
พอดีวันนี้เป็นวันวิสาขบูชาได้หยุดปิดร้านเลยไปเที่ยวดีกว่า พรุ่งนี้มะปรางต้องไปเรียนพิเศษด้วย
ครั้งนี้เป็นการไปสตูลครั้งที่ 3 ครั้งแรกตอนไปเที่ยวลังกาวี ก็ขับผ่านทางนี้เข้าเมืองสตูล เพื่อไปลงเรือที่ท่าเรือตำมะลัง
ครั้งที่ 2ไปเที่ยวทะเลบัน,น้ำตกยาโรย และด่านวังประจัน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่3 ที่ไปสตูล


พอตอนเช้าหลังจากโอ้เอ้นิดหน่อยก็ออกเดินทาง ประมาณ 8 โมงกว่าๆ ขับไปตามทางถนนสายเอเชีย รถเยอะเหมือนกัน
คงจะขึ้นกรุงเทพกันมั้ง เพราะเป็นวันหยุดยาว พอถึงสี่แยกคูหาเลี้ยวซ้ายผ่านรัตภูมิ ไปทางสตูลผ่านนาสีทอง เขาพระ แล้วเข้าเขตสตูล ถนนเป็นสี่เลนอย่างดีแต่คดเคี้ยวน่าดู ภูมิประเทศสวยดี ต้นไม้ร่มรื่นมาก คงเป็นเพราะมีฝนตกบ้าง ไม่ค่อยมีรถขับสบาย
พอขับมาถึงแยกควนกาหลง เลี้ยวขวาเข้าเส้น 4137 ผ่านอำเภอควนกาหลง ถนนก็กลายสภาพเป็นถนนโลกพระจันทร์บวกดาวอังคารซะงั้น มีการทำถนน รถขุดจอดเกะกะ ต้องขับช้ามากเพราะกลัวอุบัติเหตุ มีรถจักรขนาดใหญ่ทำงานอยู่เป็นระยะๆ จนถึงแยกไปมะนัง ถนนก็ดีขึ้นหน่อย

พอขับผ่านไปอีกหน่อยถนนก็แย่ขึ้นอีก หินก้อนเท่าลูกวัวกลิ้งขลุกๆอยู่ริมทางทั่วไปหมด โชคดีว่าป้ายบอกทางดีก็ขับตามไปเรื่อยๆขับเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเข้าทางเล็กทางน้อย ไปจนถึงแยกใหญ่ จะมีป้ายบอกทางว่าแยกไปน้ำตกวังสายทองอันหนึ่ง กับ ถ้ำเจ็ดคดและถ้ำภูผาเพชรอันหนึ่ง

เขาบอกว่าถ้ำภูผาเพชรไปยากสุดและไกลสุด พวกเราเลยกะจะไปจากอันที่ไกลที่สุดก่อน จึงขับไปเรื่อยๆจนถึง ถ้ำภูผาเพชร ก็เวลา 10 โมงกว่าๆแล้ว ที่ถ้ำภูผาเพชร มีรถจอดเต็มไปหมด มีทั้งรถบัสและรถตู้

เข้าไปด้านในกันก่อน
ต้องเดินอีกไกล ไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า ห้องน้ำฟรี สะอาดพอควร

คนอื่นๆยังรีๆรอๆกันอยู่ ยังไม่เดินขึ้น เราไปซื้อตั๋วก่อน เด๋วคนเยอะ

ที่ทางขึ้นไม่มีคนเลย เจ้าหน้าที่บอกว่าไกด์รออยู่ที่หน้าถ้ำ

เดินขึ้นเหนื่อยเหมือนกันคุณป๋าบ่นว่าเหนื่อยมาก ต้องหยุดพักเป็นระยะๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าประมาณ 300 ขั้น(มั้ง)
ทางเดินเป็นบันไดอย่างดี ไม่อันตราย
มะปรางยังยิ้ม ...สู้ตายค่า (สังเกตุดูหน้าคุณป๋าเริ่มซีดแล้ว หุหุ..สู้มะปรางไม่ได้)
ครึ่งทางมีศาลานั่งพัก

ใกล้แล้ว เริ่มยิ้มออก ถึงแล้ว...มีคนนั่งรอเข้าถ้ำหลายคน ไกด์บอกว่ารอให้ครบ 100คนก่อน เพราะมีไกด์แค่ 4 คนเอง ไม่พอกับนักท่องเที่ยว
คุณป๋าบอกว่าไม่รอแล้วเสียเวลา จะเข้าเลย เค้าเลยให้ไกด์จิ๋วชื่อน้องรุจ(ไม่ใช่เดอะสตาร์นะ) ช่วยเป็นไกด์ (ตัวใหญ่กว่ามะปรางนิดนึง แต่อยู่ ป. 6 แล้วนะเนี่ย) นำเดินชม

จะต้องลอดรูเล็กๆเข้าถ้ำ(เล็กมากๆเลย แม่ตุ๊กต้องขดตัวเต็มที่ กลัวเข้าไม่ได้ อายแย่เลย...)
พอหลุดรู ข้างในกว้างงงง.. มากๆ เย็นสบาย มืดๆ กลิ่นมูลค้างคาวฟุ้งไปหมด

ในถ้ำจะมืดมาก ต้องมีคนนำ ดีนะคุณป๋าเตรียมไฟมาพร้อม (จากประสบการณ์เข้าถ้ำบ่อย) ทำให้ทางเดินสว่างมากขึ้น ทางเดินเป็นไม้อย่างดี เดินสบาย
น้องไกด์ก็พาเดินไปตามทาง บรรยายคล่องมาก เสียงดัง พูดเก่งเชียว
อันนี้อยู่ด้านหน้าสุด เรียกว่า ..เสาค้ำสุริยัน...
ชื่อที่เรียกก็เป็นไปตามจินตนาการของคน อาจดูแล้วแตกต่างกันออกไป

อันนี้คือเรือ ..ก็เหมือนเนอะ มีเสาด้วย

อันนี้จะเริ่มเห็นประกายเพชรแล้ว ถ่ายมาไม่ค่อยชัด เพราะแสงไม่พอ
ส่วนอันนี้เรียกว่าม่านภูผาเพชร


นี่งัย...เริ่มเห็นประกายเพชรยังจ๊ะ..วิ้งๆๆมากๆๆ ของจริงสวยมากๆค่ะ (ห้ามจับ)

เดินขึ้นๆลงๆในถ้ำตลอดระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร

ประกายเพชรเต็มตาไปหมด
ห้องหัวแหวนเพชร

หินเป็นชั้นๆคล้ายอยู่ใต้ทะเลเลย
มีหินปะการังด้วย..ไม่ค่อยชัดหน่ะ ไม่ว่ากันนะจ๊ะ

เหมือนหัวพญานาค

อันนี้ก็ จำไม่ค่อยได้..แก่แล้ววว..ไกด์ก็บอกตลอดทางนะ แต่ลืม หุหุ

อันนี้เค้าบอกว่าเหมือนน้ำตก.. (น้ำตกวังสายทอง)

น้องไกด์บอกว่านี่คือ " อ่างศักดิ์สิทธิ์" จะมีน้ำหยดลงมาจากข้างบน ถ้าใครเอามือรองน้ำได้แล้วเอามาล้างหน้า จะโชคดี
หุหุ แม่ตุ๊กไม่พลาดอยู่แล้ว รองน้ำได้ปุ๊บก็เอามาลูบหน้าสุดที่รักทั้ง2 คือมะปรางกะคุณป๋าทันที

ในถ้ำจะมีเจ้าตัวนี้ส่งเสียงตลอด เรียกว่า จิ้งหรีดถ้ำ..หนวดยาวมากๆๆ เพราะมันมองไม่เห็น เป็นธรรมชาติของสัตว์ที่อยู่ในถ้ำมืดๆหรือทะเลลึกๆที่แสงส่องไมถึง เซลรับแสงของลูกตาจะไม่เจริญ

เข้าไปลึกๆๆเรื่อยๆจะเห็นแสงจากข้างบนรูของถ้ำแล้ว

ต้องเดินลงไปอีกที จะเห็นมีคนอยู่เป็นร้อยเลย มีคนกลุ่มนึงเค้ามุงดูอะไรกันน้า..ไปดูกันดีกว่า

เค้าเรียกว่า"หินมรกต" มันเป็นสีเขียวๆเหมือนมีตะไคร่น้ำเกาะอยู่ คนมามุงๆกัน เพื่อจะโยนเหรียญ และอธิษฐาน
คนเยอะมาก น้องไกด์เลยพาเรา ไปอีกห้องนึง มืดสุดๆ ดีที่ได้ไฟฉาย 2อัน
เรียกว่า ..ห้องมังกรโอบ..มีเป็นเส้นยาวๆล้อมรอบ
แล้วก็มีคนมาถูๆๆขอหวยกัน..ตามเคย อีกไม่กี่วันหวยก็ออกแล้วนะ


มีหินปะการังมากมาย
เหมือนสิงห์มั้ย


ถ้ำนี้ค่อนข้าง unseen เพราะยังดูบริสุทธิ์มากๆ ถ้ำนี้มีขนาด 50 ไร่ ....มีทั้งหมด 4หรือ5ชั้นก็จำไม่ได้ แต่ที่เปิดให้เข้าชมมีแค่ชั้น 2เท่านั้น น้องไกด์บอกว่าส่วนอื่นจะอันตราย มีเหวลึก
พอเดินเสร็จก็เหนื่อยมากเพราะเดินขึ้นๆลงๆในถ้ำตลอดประมาณ 2 ชม. แต่ก็สวยสมกับความเหนื่อยออกมานั่งพักสักครู่ก็เดินลงมา(ตอนลงไม่เหนื่อยเท่าไหร่)


ลงมาถึงข้างล่างก็เที่ยงนิดๆ ซื้อไก่จ๊อ กับ ไข่นกกินแก้เหนื่อยแล้วไปหาข้าวเที่ยงกินเป็นร้านค้าอยู่ในหมู่บ้าน มีข้าวหมูแดง ข้าวขาหมูให้กินด้วย ...ที่ประหลาดใจก็เพราะปกติแถวนี้จะเป็นชุมชนมุสลิมค่ะ กินข้าวกันก่อนนะคะ

เด๋วตอนบ่ายไปล่องแก่งกันค่ะ


2553/05/26

เจดีย์สแตนเลส (แห่งแรกของโลก)ที่ยอดเขาคอหงส์

30 มีนาคม 53

เมื่อวานวันเกิดมะปรางครบ 7 ขวบแล้ว วันอาทิตย์นี้ว่างๆ ไม่รู้จะไปไหน เพราะเมื่อตอนบ่ายฝนตกหนักมาก
พอสัก 4 โมงเย็นฝนก็ซาๆแล้ว พวกเราก็เลยตกลงว่าจะขึ้นไปที่เจดีย์สเตนเลส บนเขาคอหงส์ (อีกมุมหนึ่ง)ข้างหลังมอ.
สี่โมงครึ่งก็ออกไปกินอาหารเย็นกันที่ร้าน ภูหงส์ เข้าทางถนนข้างมอ. เรียกว่าถนนปุณกันต์ ตอนไปเริ่มมีแดดส่องแล้ว
เห็นรุ้งกินน้ำด้วย
เข้าไปประมาณ สามกิโลเมตร ร้านอาหารอยู่ทางซ้ายมือ ตรงเนินเขา ไม่ได้มาที่นี่ปีกว่าแล้วมั้ง?ดูร่มรื่นขึ้นมาก การจัดร้านดูเปลี่ยนไป คงเปลี่ยนเจ้าของใหม่ ไม่รู้อาหารจะอร่อยเหมือนเดิมหรือเปล่าน้า?
ตรงนี้เป็นลานจอดรถ(โล่งมากๆ )
เราก็เข้าไปนั่งริมๆเห็นวิวดี

มองลงไปข้างล่างจะเห็นทางเข้า

สั่งอาหารเสร็จระหว่างรอเพื่อเป็นการไม่เสียเวลา มะปรางอยากออกไปเดิน(ตากฝนนิดๆ)ถ่ายรูปกัน

มุมพักผ่อน(ยุงเยอะ)
มีหินก้อนใหญ่ๆหลายก้อน ..สงสัยเอามาจากเขาข้างหลัง..มั้ง

มะปรางถามว่า ที่มุมสูบบุหรี่ เราเข้าไปได้เหรอ? แต่she ก็ขอถ่ายรูปกะชบาส้มนิดนึง

สักพักอาหารก็มา มีกุ้งอบวุ้นเส้น แกงจืดผักกาดขาว+สาหร่าย ยำผักบุ้งกรอบ มะปรางกินอย่างรวดเร็ว (หิวมากๆๆ) ทั้งหมดก็ 460บ.

กินเสร็จฝนก็หยุดตกแล้วแดดจัดจ้านมาก เราก็ไปขึ้นเจดีย์กันขับรถตรงไปอีกประมาณสัก1 กม.จะเห็นทางเข้าด้านซ้ายมืออยู่ข้างหมู่บ้านการ์เด้นท์ฮิลล์ มีป้ายตรงปากทางด้วยว่าทางขึ้นเจดีย์ไตรภพไตรมงคล ซึ่งเป็นทางเดียวกับทางขึ้นสถานีช่อง 3,9,11

ขับรถขึ้นเขาไปประมาณ สองกิโลเมตร ทางค่อนข้างแคบและชัน ถนนขรุขระมากเวลามีรถยนต์สวนมาต้องจอดรอคันนึงเพื่อให้อีกคันไปก่อนทางค่อนข้างเปลี่ยวไม่มีบ้านคนเลยแต่ นานๆก็พบว่ามีคนมาวิ่งออกกำลังกายวิ่งอยู่บ้าง(ช่างสรรหาที่วิ่งจริงๆ)
ครั้งนี้เป็นมาครั้งที่2 ของพวกเรา จะรู้สึกว่าขับไวขึ้น ประมาณ 5นาทีก็ถึงแล้ว คงเป็นเพราะคุณป๋าเริ่มคุ้นเคยทางแล้วมั้ง..
ขึ้นไปถึงจะเป็นปฏิมากรรมเจดีย์ที่ทำจากโลหะขนาดใหญ่มาก
มีชื่อว่า"เจดีย์ไตรภพไตรมงคล"
เป็นเจดีย์สแตนเลสแห่งแรกของโลก ทำด้วยสแตนเลส เริ่มสร้างเมื่อ 28 ก.พ.48 สร้างเสร็จภายใน 160 วัน สร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ60ปี


ทุกๆอย่างของที่นี่จะเป็นสีทองละลานตาไปหมดตัดกับสีเงินของสแตนเลส ก็ดูแปลกตาดี

กลองขนาดใหญ่มากๆ สีทอง

นี่ก็ฆ้องสีทอง

เดี๋ยวค่อยเข้าไปในเจดีย์นะคะ ไปเดินเล่นรอบๆกันก่อน

มีจารึกทางภาษาไทย

มะปรางยืนอ่านเสียงดังเชียว

ตรงศาลาทางขวามือจะมีพระประทานให้กราบไหว้ (มี..เฝ้าด้วย)

หุหุ ..ตัวใหญ่ ขนหนาดูแก่แล้ว ไม่ดุหรอก...เจ้าตัวนี้แหละร้องเพลงเป็นด้วย เดี๋ยวตอนหกโมงเย็นจะได้ยินเสียงแน่นอน

พระประทานสีทอง

มะปรางกะคุณป๋าต้องสวดมนต์-ไหว้พระเป็นประจำ
พระพุทธบาทจำลอง
เจ้าแม่กวนอิมอยู่ด้านนอก
ไหว้พระครบทุกองค์แล้วก็ไปเข้าเจดีย์กันดีกว่าค่ะ มีระฆังยาวตลอดแนวทางซ้ายมือ

ต้องถอดรองเท้าตรงนี้เลย ควรใส่ถุงเท้ามาด้วยค่ะ เพราะพื้นจะหยาบ สกปรกเหมือนกัน
มีระฆังทั้งหมด 3 ช่วง ตามวัน-เดือน-ปี =7-12-12 อัน
ให้เคาะตามวันเดือนปีเกิด ก่อนเดินเข้าเจดีย์ ...มีเหรอที่มะปรางจะพลาด she เคาะทุกอันค่ะ....

หน้าเสาธง เดี๋ยวจะร้องเพลงชาติตอน18.00น.กัน

ทางเดินรอบเจดีย์เป็นลำตัวพญานาค ยาวมากๆๆๆ

นี่เป็นแผนผังของเจดีย์ มีทางเข้า-ออก ตามวันเกิด

จะเห็นประตูหลายรูเลยค่ะ

จุดชมวิวริมทางเดิน...ขาสั่นนนน ..แม่ตุ๊กกลัวตก
ภูมิทัศน์สวยงามมาก วิวที่เห็นจากภูเขาจะเป็นด้านที่มองไปทางทิศตะวันออก(ฝั่ง อ.นาหม่อม)ถ้ามาตอนเช้าบางวันอาจเห็นทะเลหมอกได้
ทางเข้ามี2ชั้น

ผนังเป็นสีทอง ที่เห็นกลมๆนั้นคือเหรียญบาทนะคะ แปะติดผนัง

แต่ละห้องก็มีพระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่ให้กราบไหว้ ซึ่งมีหลายปางมาก มีจตรกรรมฝาผนังสวยๆเดินดูแล้วเพลิน (ลืมถ่ายรูปไปเลย)

อันนี้เป็นรูปเก่าค่ะ ตรงกลางจะมีตะเกียงเต็มเพดานเลย สวยมาก
เดินวนจนครบทุกห้องก็ขึ้นชั้น 2 กัน
มีบาตรสแตนเลสอยู่มากมายไว้ใส่เหรียญทำบุญค่ะ
สูงโปร่งเย็นสบาย
เหมือนเป็นสวนสนุกของเด็กเลยเนอะ กระโดด ปีนๆป่ายๆไปเรื่อยๆ
เค้าล็อคกุญแจไว้ไม่ให้ออกไปเดินชมวิวด้านนอก เลยได้แต่เกาะกรงมองวิวกัน
คุณป๋ายื่นกล้องออกไปนอกกรง พยายามถ่ายรูปสุดๆ
วิวข้างล่างสวยดี
เริ่มมืดแล้ว
ได้เวลาลงแล้วจ้า เดี๋ยวจะมีการร้องเพลงกัน
รอต่อคิวลงทีละคน เพราะวันนี้มีผู้คนมาสักการะบูชามากพอสมควรแต่เป็นชาวมาเลเซียประมาณครึ่งหนึ่ง อาจเป็นเพราะเพิ่งผ่านวันวิสาขะบูชามาเอง

รูเล็กๆแล้วก็ชันด้วย

พอเวลาประมาณ 17.50น.จะมีผู้นำร้องเพลงสดุดีมหาราชา
18.00น.ก็ร้องเพลงชาติ ต่อด้วยการสวดมนต์ และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี แล้วก็จบพิธี

ทุกคนก็ไปต่อแถวเพื่อเปิดไฟเจดีย์กัน
พวกเราก็รีบกลับเหมือนกันเริ่มมืดแล้ว เด๋วลงยาก ไม่ได้ถ่ายรูปเจดีย์เวลากลางคืน เค้าว่าสวยมาก