TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2554/03/30

6.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์(คลอง 5 ปทุุมธานี)




วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2554 (8:30น.)
ออกจากโรงแรมขับรถไปตามGPS บอกอย่างสับสนมากมาย ในที่สุดก็มาถึงพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ คลองห้าปทุมธานี ประมาณ9โมงนิดๆ อากาศที่นี่ร้อนมากค่ะ
จากข้อมูลเว็บไซด์ nsm บอก ว่า อาคารนี้ได้รับการออกและก่อสร้างในรูปทรงเรขาคณิตที่น่าทึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในการก่อสร้างอันเป็นจุดดึงดูดความสนใจของผู้ที่ได้พบเห็นตัวอาคารมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ 3 ลูก แต่ละลูกมีขนาด 20x20x20 ม. วางพิงกันเพื่อพยุงและเฉลี่ยการรับน้ำหนักของกันและกัน ทำให้เกิดความสมดุลในการทรงตัวโดยมีรากฐานในการรับน้ำหนักของตึกตรงบริเวณ มุมแหลมของรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ทั้ง 3 ลูกโดยจุดรับน้ำหนักแต่ละจุดสามารถรับน้ำหนักได้ถีง 200 ตัน
โครงสร้างทั้งหมดประกอบด้วยโครงเหล็กเพื่อเสริมด้านความแข็งแรงของอาคาร


อาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์มหาราชินี เป็นอาคารหลักมี 6 ชั้น มีเนื้อที่ 18,000 ตร.ม. มีความสูงประมาณ 45 เมตร หรือเท่ากับอาคาร 12 ชั้น มีการจัดแสดงเป็นเนื้อหาต่างๆ ในแต่ละชั้น


ราคาเข้าชม ช่วงนี้ถูก-เด็กฟรี มีทั้งหมด 3 อาคาร คนละ 70บ.
ส่วนการแสดงทางวิทยาศาสตร์ คิดค่าบริการเพิ่มคนละ 10 บาท (45นาที / รอบ) มีการแสดงทุกวัน


เด็กๆทุกคนไปเซ็นต์ชื่อด้านในแล้วเลือกรับของเล่นคนละ 1 ชิ้นค่ะ


โดยมีการจัดแสดงนิทรรศการทั้งหมด 6 ชั้น ดังนี้

ชั้น 1 ส่วนต้อนรับและแนะนำการเข้าชม, นิทรรศการไฟฟ้าไทย

จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ผลงานของนักวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆทั่วโลก และยังมีส่วนการให้บริการห้องอินเทอร์เนต ที่ให้บริการการสืบค้นข้อมูล ส่วนจำหน่ายบัตร บริเวณสำหรับพักผ่อน จำหน่ายอาหาร และร้านจำหน่ายของที่ระลึก


นิทรรศการไฟฟ้า
ประวัติการค้นพบวิวัฒนาการของเทคโนโลยีไฟฟ้า การผลิตไฟฟ้าที่อธิบายถึงชนิดของเชื้อเพลิง หลักการและชนิดของกังหันที่จะใช้ในการหมุนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า และการส่งไฟฟ้าตั้งแต่โรงไฟฟ้าถึงครัวเรือน


ลูกเหล็กวิ่งตามรางยาวมากๆเด็กๆชอบมาดูกัน


เรื่องภาวะโลกร้อน หุ่นขี้ผึ้งเหมือนจริงจนมะปรางยืนอ่านอย่างตั้งใจ


การละลายของน้ำแข็ง

เรื่องก๊าซเรือนกระจก


รวมถึงโถงจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน ครั้งนี้เป็นเรื่องรักๆของวัยรุ่น


เขียนชื่อไว้เป็นที่ระลึกก่อนค่ะ


ชั้น2การค้นพบสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนิทรรศการดินแดนวิทยาศาสตร์

โดยมีการจัดแสดงหุ่นจำลองของ"ลูซี่"ซึ่งจำลองมาจากซากดึกดำบรรพ์ที่ขุดพบในประเทศเอธิโอเปีย เมื่อ พ.ศ. 2517 ลิงใหญ่ชนิดนี้เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์



นิทรรศการดินแดนวิทยาศาสตร์


เป็นพื้นที่นิทรรศการที่ถูกออกแบบมาสำหรับเด็ก

ประกอบด้วยชิ้นงานสื่อสัมผัส,สนามเด็กเล่นและห้องปฎิบัติการวิทยาศาสตร์


ชั้น 3 วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานและพลังงาน

แสดงหลักการทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพื้นฐานและพลังงานที่จัดแสดงในรูปชิ้นงานสื่อสัมผัส เพื่อให้ผู้ชมได้ทดลอง สัมผัส จับต้องหรือเล่นได้ มี 12 ส่วน



1. คณิตศาสตร์ (Mathematics)
จัดแสดงเรื่องราวของคณิตศาสตร์ และเรขาคณิต การนับ และอุปกรณ์ช่วยนับ ฝึกการคิดคำนวณด้วยการบวกและการคูณ ฝึกการวัดมุมทางเรขาคณิตในลักษณะต่าง ๆ การคำนวณวัดระยะทาง


2. ความร้อน (Heat)

จัดแสดงเรื่องความร้อน การเคลื่อนที่ของความร้อนในรูปของการนำความร้อน การพาความร้อน และ
การแผ่รังสีความร้อน และการนำความร้อนมาใช้ในชีวิตประจำวัน



3. ความเสียดทาน (Friction)

4 เคมี (Chemistry)



5. ไฟฟ้า (Electricity)

ความสำคัญของการใช้ไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน ไฟฟ้าสถิตและไฟฟ้ากระแสการเปลี่ยนรูปของพลังไฟฟ้าเป็นพลังงานรูปอื่น ๆ แบตเตอรี่ และเซลล์สุริยะที่เปลี่ยนพลังงานจากแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า

"ผ่ารถพรีอุส "



6. แม่เหล็ก (Magnetism)

เรื่องราวของแม่เหล็ก วัสดุที่เป็นสารแม่เหล็ก การใช้อำนาจแม่เหล็กหมุนตัดขดลวดสร้างกระแสไฟฟ้า

เรียนรู้เรื่องของไดนาโม และมอเตอร์


7. แรงและการเคลื่อนที่ (Force and Motion)



8. สสารและโมเลกุล (Matter and Molecular)


เห็นเด็กๆจะชอบเจ้า"พลาสมา" กันทุกคน


9. เสียง (Sound)
การเดินทางของเสียง เรียนรู้เรื่องของการเกิดเสียงก้องและเสียงจากเครื่องดนตรี


10. แสง (Light) การนำความรู้เรื่องแสงไปใช้ในชีวิตประจำวัน

11. โรงภาพยนตร์ (Cinema)
ฉายภาพยนตร์ในเรื่องราวเกี่ยวกับ การนำพลังงานต่าง ๆ มาใช้ในชีวิตประจำวัน


มะปรางสูง 130ซม.=ตัวอะไรเอ่ย??



12. อุโมงค์พลังงาน (Power Tunnel)

เกี่ยวกับพลังงานในรูปแบบต่างๆที่มนุษย์สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ทั้งพลังงานจากอาหารที่มนุษย์รับประทาน,พลังงานน้ำ,พลังงานจากซากดึกดำบรรพ์,พลังงานลม,พลังงานนิวเคลียร์,พลังงานจากดวงอาทิตย์ และพลังงานจากใต้พิภพ ซึ่งมีการจำลองแผ่นดินไหวขนาดเล็กซึ่งเกิดจากพลังงานของโลก



ชั้น 4 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับประเทศไทย มี 7 ส่วนคือ


1. ที่ตั้งและภูมิทัศน์ของประเทศไทย

บริเวณนี้จัดแสดงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยบนลูกโลกจำลอง

ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.2 เมตร หมุนเร็วเท่ากับโลกจริง



2. นิเวศวิทยาของประเทศไทย



3. การผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรม

4. ภูมิศาสตร์ของประเทศไทยและนิทรรศการดาวเทียมธีออสและการสำรวจระยะไกล




5. สิ่งก่อสร้างและโครงสร้าง
จัดแสดงถึงการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อพัฒนาโครงสร้าง และสิ่งปลูกสร้าง,ลักษณะบ้านเรือนที่อยู่อาศัย


6. ธรณีวิทยาของประเทศไทย

รวมถึงการจัดแสดงเรื่องการขุดพบซากฟอสซิลไดโนเสาร์ในประเทศไทย
และหุ่นจำลองของอาจารย์วราวุธ สุธีธร ซึ่งเป็นนักธรณีวิทยาของกรมทรัพยากรธรณี


7. โครงสร้างโลกและภูมิอากาศ

จัดแสดงระบบโครงสร้างการทำงานของโลก, สภาพลมฟ้าอากาศ บทบาทของดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์
นอกจากนั้นมี การยังนำเสนอเรื่องราวของทฤษฎีการระเบิดของจักรวาล ที่เรียกว่า บิกแบง (Bigbang)
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอวกาศและเวลา




ชั้น 5 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในชีวิตประวัน

โดยแบ่งออกเป็น 5 ส่วนนิทรรศการ


1. บ้านและสำนักงาน
มีการจัดแสดงเอาอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัย และห้องทำงานระบบออนไลน์ สามารถทำงานจากที่บ้านได้



2. ร่างกายและสุขภาพ จัดแสดงส่วนที่เล็กที่สุดในร่างกาย คือ เซลล์ และระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย


3. การคมนาคมขนส่ง
การคิดค้นและประดิษฐ์ พาหนะประเภทต่างๆ ผู้ชมสามารถฝึกขับเครื่องบินจากโปรแกรมการฝึกบินของนักบิน ทดลองบังคับการบินของเครื่องบินจากเครื่องจำลองการบังคับเครื่องบินด้วยตนเอง



4. คุณภาพชีวิต
ปัจจุบันนี้สภาวะแวดล้อมเริ่มเปลี่ยนไปเพราะการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มีผลทำให้ธรรมชาติเสียสมดุลไป ทำให้เกิดมลภาวะทางน้ำ ทางดิน และอากาศ



5. วิสัยทัศน์ต่ออนาคต

ชั้นที่ 6เทคโนโลยีภูมิปัญญาไทย ปิดปรับปรุงอยู่ค่ะ พวกเราเลยลงมาข้างล่างกัน ถ่ายรูปกับพี่เสือ


แวะทานอาหารเที่ยงที่ชั้น1 อาหารอร่อยดี ราคาถูก
มะปรางทานหมดจาน(หิวมากใช้พลังงานไปเยอะ) ปิดท้ายด้วยไอติม 1 ถ้วย

พักผ่อนเสร็จพวกเราก็เดินข้ามที่จอดรถ ไปยังอาคารพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา (มีเนื้อที่ 3,000 ตร.ม.)
คนน้อยมากเพราะส่วนมากจะอยู่แต่อาคารวิทยาศาสตร์กัน เข้าไปดูข้างในกันดีกว่าค่ะ


ตอนที่ 1 การกำเนิดโลก
พบกับการกำเนิดโลก และดาวเคราะห์ต่างๆ ในสุริยจักรวาล


ตอนที่ 2 การกำเนิดสิ่งมีชีวิต
จัดแสดงคุณสมบัติพื้นฐาน 9 ประการที่ทำให้สิ่งมีชีวิตแตกต่างไปจากสิ่งไม่มีชีวิต


ตอนที่ 3 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
จะแสดงถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่ผ่านมาในยุคสมัยต่าง ๆ ผ่านอุโมงค์แห่งกาลเวลา
ที่ประกอบไปด้วยตู้ 4 ตู้ลอยตัวอยู่ขนานกัน คือ
1.ตู้แสดงยุคก่อนแคมเบรียน
2.ตู้แสดงมหายุคโบราณ
3.ตู้แสดงมหายุคกลาง
4.ตู้แสดงมหายุคปัจจุบัน




ซึ่งทุกมหายุคจะกระตุ้นความสนใจของผู้เข้าชมด้วยแสงและเสียงที่เร้าใจ


ตอนที่ 4 ความหลากหลายทางชีวภาพ
สามารถแยกออกได้เป็น 5 อาณาจักร คืออาณาจักรแบคทีเรีย อาณาจักรสัตว์เซลล์เดียว อาณาจักรเห็ดรา อาณาจักรพืช และอาณาจักรสัตว์

เห็ดอวบๆ(น่ากินจัง)

ขบวนพาเหรดสัตว์และพืชที่มีขนาดรูปทรง สี และลำตัวเหมือนจริง เช่น ช้าง วัวแดง สมเสร็จ
และพืชสำคัญ โดยแต่ละโมเดลจะเน้นชนิดที่พบเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น


แมงกะพรุนลอยๆๆอยู่ ในตู้กระจก สวยดี


มีสัตว์จริงๆให้เด็กดูด้วยค่ะ เช่น ปลา หนู เม่น งู
แต่มะปรางอยากจับเต่ามากกว่า(อุ้มแล้วก็ดูกลัวๆอยู่นะ)


ที่ชั้น 2 จะเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับสัตว์มีเขาต่างๆหลากหลายสายพันธุ์

เขาและเขา... เต็มไปหมด


จะ 3 โมงเย็นแล้ว ยังไม่ได้ไปดูอาคารสุดท้าย(เทคโนโลยีสารสนเทศ) เห็นว่ามีฉายหนัง3มิติ ด้วยค่ะ
ไว้คราวหน้าค่อยมาใหม่ดีกว่า รวมแล้วพวกเราใช้เวลาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ประมาณ 6 ชม.

กว่าจะไปถึงสนามบินก็ประมาณ 16:30น.(รถติดมากๆๆ) พวกเราไปขึ้นเครื่องเกือบไม่ทันล่ะ ดีนะมีรถตู้มารับรีบซิ่งไปที่บันไดขึ้นเครื่อง(อยู่จวนสุดรันเวย์) พอขึ้นเครื่องนั่งเรียบร้อยเครื่องก็ออกเลยค่ะ...หุหุไม่ต้องรอ