TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2554/08/31

3.ไหว้พระอ่างทองต่อ วัดขุนอินทประมูล-วัดท่าอิฐ-วัดเกษไชโย-วัดต้นสน


วันอาทิตย์ที่ 21 ส.ค.54 เวลาประมาณ 12:30น.
พวกเราก็เดินทางมาถึงวัดขุนอินทรประมูล พอขับรถเข้ามาจะพบ"พระนอนวัดขุนอินทประมูล "องค์ใหญ่


ปัจจุบันเป็นวัดร้าง ต.อินทประมูล อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง อยู่ห่างจากตัวเมืองอ่างทองประมาณ 7 กม.


ลงเดินไปไหว้พระกันค่ะ...แดดร้อนมากๆ


องค์พระยาว 2 เส้น 5 วา ซึ่งนับเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่ยาวเป็นอันดับที่ 2 รองจากพระนอนจักรสีห์


มีนักท่องเที่ยวมาไหว้พระกันมากเหมือนกัน เพราะเห็นรถบัสจอดอยู่เป็นแถวยาวเลย


จากตำนานกล่าวว่า ขุนอินทประมูล ได้ยักยอกเงินหลวงมาสร้าง ครั้นถูกสอบถามว่าเอาเงินจากใหนมาสร้างพระ ขุนอินทประมูลก็ไม่ยอมบอกความจริง จึงถูกลงโทษจนตาย คงเพราะมีความเชื่อที่ว่า ถ้าบอกแหล่งที่มาของเงินแล้ว ตนจะไม่ได้กุศลตามที่ปรารถนา


พระนอนวัดขุนอินทประมูล มีการสันนิษฐานว่าได้สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา พระพักตร์หันไปทางทิศเหนือ พระเศียรหันไปทางทิศตะวันออก เมื่อมองตลอดทั้งองค์มีความสง่างามมาก พระพักตร์งดงามได้สัดส่วน แสดงออกถึงความมีเมตตา

กิจวัตรหลักของมะปราง..ทำบุญทุกที่ที่มีตู้รับบริจาค...55555


ปัจจุบัน องค์พระนอนอยู่กลางแจ้งไม่มีวิหารคลุมเช่นพระนอนองค์อื่น เนื่องจากวิหารเดิมคงหักพังไปนานแล้ว ดังจะเห็นได้จาก เสาพระวิหารที่ยังปรากฎอยู่รอบองค์พระนอนวัดขุนอินทประมูล

รอบ ๆองค์พระมีต้นไม้ขนาดใหญ่หลายต้นขึ้นอยู่โดยรอบ ทำให้มีความสงบร่มเย็น เหมาะแก่การไปนมัสการให้เกิดความสุข สงบ ตามธรรมชาติ ซึ่งแปลกออกไปจากบรรยากาศในพระวิหาร

ไม่พบว่ามีการนมัสการประจำปีองค์พระนอนวัดขุนอินทประมูล
อาจจะเนื่องจากอยู่ที่วัดร้างกลางทุ่งนา ห่างไกลจากชุมชนมาก


ประมาณเวลา 13:30 น. พวกเราก็ออกเดินทางต่อไปยัง"วัดท่าอิฐ"
เพียงขับรถเข้าไปก็จะพบกับเจดีย์ลักษณะเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมสีทองเด่นมากๆ มีความกว้าง 40 เมตร สูง 73 เมตร รูปแบบศิลปะลังกา-อยุธยา และรัตนโกสินทร์ มีองค์ระฆังและปล้องไฉน 32 ปล้อง


วัดนี้สร้างเมื่อปี พ.ศ.2304อยู่ที่บ้านท่าอิฐ ตำบลบางพลับ ไปตามทางหลวงหมายเลข 3064 กม.ที่ 7-8
บริเวณที่ตั้งเดิมเข้าใจว่าเป็นที่ปั้นเผาอิฐ นำไปก่อสร้างวัดขุนอินทประมูล นับว่าเป็นสถานที่ขนอิฐหรือท่าขนอิฐ และเมื่อได้สร้างวัดขึ้นจึงขนานนามว่าวัดท่าอิฐ


พระประธานในอุโบสถชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อเพ็ชร" พระประธานในวิหารชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อขาว" เป็นพระพุทธรูปที่สร้างในสมัยอยุธยา ประมาณกว่า 200 ปีมาแล้ว ประดิษฐานอยู่ในวิหารมหาอุต

ราวพ.ศ. 2538 พระคุณสุคนธศีลคุณ(หลวงพ่อหอม)ได้ทราบอาการพระประชวร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นช่วงที่กำลังเริ่มก่อสร้างเจดีย์ ด้วยความห่วงใยในพระองค์ท่าน หลวงพ่อหอมได้ตั้งสัจจาธิษฐานว่า ขอให้ในหลวงทรงหายจากอาการพระประชวร

ถ้าเป็นไปดังสัจจาธิษฐาน จะสร้างเจดีย์ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระองค์ท่าน และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อเจดีย์ว่า "พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง"สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีเสด็จมาเปิดเมื่อปี พ.ศ. 2543


เวลาประมาณ 14:00น. พวกเราก็มาถึง"วัดไชโยวรวิหาร" อยู่บนเส้นทางสายอ่างทอง-สิงห์บุรี
ห่างจากอำเภอเมืองอ่างทองประมาณ 18 กม. เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นโท


เดิมเป็นวัดราษฎร์โบราณสร้างมาแต่ครั้งใดไม่ปรากฏ มีความสำคัญขึ้น มาในสมัยร.4 เมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรีได้สร้าง พระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่เป็นปูนขาวไม่ปิดทองไว้กลางแจ้ง ณ วัดแห่งนี้


จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จฯ มานมัสการและโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดไชโยในปี พ.ศ. 2430

ปัจจุบันวัดไชโยวรวิหารได้รับการบูรณะ ปฏิสังขรณ์ใหม่ จนมีความงามอย่างสมบูรณ์ยิ่ง

ทำบุญอีกแล้ว


ภายในพระอุโบสถมี ภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ ฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ 5


พระสมเด็จเกษไชโยจะเป็นที่รู้จักดีในวงการพระเครื่อง คนนิยมมาเช่าบูชากันมาก


สมัย ร.5ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ ช่างปั้นพระพุทธรูปฝีพระหัตถ์ยอดเยี่ยม มาช่วยสร้างพระพุทธรูปขึ้นใหม่ สถาปนาวัดไชโยให้เป็นพระอารามหลวงชื่อ "วัดไชโยวรวิหาร" อย่างไรก็ตาม คนทั่วไปก็ยังคงเรียกว่า "วัดเกษไชโย"


พระราชทานนามพระพุทธรูปว่า "พระมหาพุทธพิมพ์"

ขอแวะทำบุญอีกแล้ว ตอนนี้เธอยึดกระเป๋าตังค์ของแม่ไปเรียบร้อยค่ะ




มีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อโตด้วยค่ะ


ไปนมัสการหลวงพ่อโตกันค่ะ อยู่ที่ริมแม่น้ำเลย

องค์หลวงพ่อโตประดิษฐานอยู่ในพระวิหารที่มีความสูงใหญ่สง่างามแปลกตากว่าวิหารแห่งอื่น ๆ


พุทธศาสนิกชนจากที่ต่าง ๆ มานมัสการอย่างไม่ขาดสาย

อิอิ..


ด้านหลังวัดมีการก่อสร้างบ้านเรือนไทยหลายหลัง น่าจะเป็นกุฏิสงฆ์

เวลาประมาณ 15:00น.เราก็มาถึงวัดสุดท้ายของวันนี้แล้วค่ะ "วัดต้นสน"


ในพระุอุโบสถจะพบกับ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ หล่อด้วยทองเหลืองทั้งองค์ หน้าตักกว้าง 6 วา 3 ศอก 9 นิ้ว สูง 9 วา 2 ศอก19 นิ้ว ปิดทองคำแท้ทั้งองค์


ได้ถวายพระนามว่า สมเด็จพระนะวะโลกุตตะระธัมมะบดีศรีเมืองทอง
เรียกโดยย่อว่า สมเด็จพระศรีเมืองทอง

พานใส่ไข่เก๋ไก๋


ทุกอย่างเป็นสีทองละลานตาไปหมด


รูปปั้นปิดทองของพระอริยสงฆ์องค์ต่างๆ

องค์พระใหญ่มาก จะเห็นว่ามะปรางตัวเท่า 1 นิ้วเท่านั้น...เอ...หรือลูกเราตัวเล็กนะ


เด็กๆจะชอบตีฆ้องกันจัง

มองตาละห้อยอยากใส่บาตรจังเลย


ไปเดินเล่นภายในวัดค่ะ วัดนี้มีเนื้อที่ทั้งหมด 27ไร่ 3 งาน 32 ตารางวา เดินจนทั่วก็หมดแรงเหมือนกัน


วัดต้นสนได้เป็นห่วงเรื่องสุขอนามัยของผู้ที่มาปฏิบัติธรรม และเที่ยวชมบริเวณวัด ได้จัดทำสุขาที่ได้รับรางวัลจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เป็นการยืนยันในเรื่องความสะอาดได้เป็นอย่างดี


ด้านหลังของวัดที่อยู่ใกล้แม่น้ำจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มากราบไหว้หลายองค์ค่ะ


แวะมาไหว้ หลวงพ่อดำ ในโบสถ์ค่ะ

จะเห็นสิ่งแปลกๆบางอย่าง


นั่นก็คือ โคมไฟจำนวนมาก วางเรียงกันข้างหน้าหลวงพ่อดำ

วัดยังสร้างแพปลาศรีเมืองทอง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำขึ้นมาก ท่วมบันไดนาคเลยค่ะ


ซื้ออาหารปลาให้มะปราง 1 ตะกร้า 20บ.


ปลามารวมกันมากมาย น้ำค่อนข้างขุ่นเพราะฝนตกหนักมาหลายวัน

เพลิดเพลินใจเหลือเกิน


เธอเดินให้อาหารปลาไปรอบๆแพปลาเลยค่ะ แม่ตุ๊กกะคุณป๋าก็นั่งคอยเลย..อีกนาน...

ตอนนี้เย็นแล้ว 16:00น. ได้เวลากลับบ้านแล้วค่ะ

สรุปวันนี้พวกเรามาอ่างทองไหว้พระ 5 วัด ครบแล้วค่ะ


มาถึงสนามบินฝนตกหนักเลยค่ะ


คุณป๋าสั่งอาหารไว้ล่วงหน้าแล้วคนละกล่อง พอเครื่องขึ้นก็ dinner in plane กันเลยค่ะ ทานกันหมดเรียบไม่รู้ว่ามันอร่อยหรือหิวจัดค่ะ


เดินทางถึงหาดใหญ่โดยสวัสดิภาพ