TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2555/04/19

2.ไปดำน้ำตื้นที่ประจวบฯ-แวะด่านสิงขร


วันเสาร์ที่ 14 เม.ย. 2555 เวลาประมาณ 08:30 น.

แม่ตุ๊กเคยอ่านในหนังสือท่องเที่ยวว่าที่ประจวบฯมีการดำน้ำตื้นที่เกาะจาน เลยหาข้อมูลว่าต้องมาลงเรือที่ไหนได้บ้าง เห็นมีอยู่หลายที่เหมือนกัน ลองโทรมาติดต่อก็ตกลงว่าที่หาดวนกร น่าจะดีที่สุดเพราะเป็นของส่วนราชการ มี จนท.ดูแลคงจะปลอดภัย ทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ขับรถไปรับคุณตาที่บ้าน จะไปดำน้ำกัน 4 คน


อุทยานแห่งชาติหาดวนกร แต่เดิมเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าวังด้วนและป่าห้วยยาง เป็นที่ตั้งของสวนป่าห้วยทราย ต่อมาเมื่อทางกรมป่าไม้มีนโยบายที่จะจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ จึงได้โอนพื้นที่แห่งนี้มาให้กองอุทยานแห่งชาติดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2532 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 76 ของไทย





ที่นี่มีที่พักหลายแบบ และหลายราคา รวมทั้งมีที่ให้กางเต้นท์ด้วยค่ะ


เข้าไปที่ สนง.จ่ายค่าทัวร์ก่อนค่ะ
ผู้ใหญ่คนละ 700 บ. เด็ก 500 บ. รวมทริปนี้=2,600 บ. แล้วก็ไปเลือกชูชีพ กับหน้ากากดำน้ำ คนละชุด


วันนี้มีนักท่องเที่ยวมากค่ะ คงเพราะเป็นวันหยุดยาว


ก่อนลงน้ำก็ต้องมาเรียนรู้การใช้เสื้อชูชีพ-หน้ากากดำน้ำ ก่อนค่ะ จะมี จนท.มาคอยช่วยดูแลนิดนึง


ชีวิตใต้ทะเลที่เกาะจาน


อันตรายใต้ทะเล


09:00 น. ได้เวลาลงเรือแล้วค่ะ ลุยๆน้ำไปกัน....


วันนี้มีเรือออก 2 ลำ


เค้าบอกว่าลำหนึ่งจุคนได้ประมาณ 12 คน แต่วันนี้พิเศษหน่อย ...15 คน+คนขับเรือและ จนท.ดูแลอีก 2 คน
รวมเป็น 17 คนค่ะ...มากไปมั้ยเนี่ย??


เกาะจานและเกาะท้ายทรีย์เป็นเกาะในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดวนกร จ.ประจวบฯ
การเดินทางหากนั่งสปีดโบ๊ท ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที
คนขับชำนาญเส้นทางมากใช้เวลาแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว...คุณป๋าเริ่มจะเมาเรือพอดี(คลื่นแรงกระแทกมาก)


คนขับปล่อยเราที่เกาะท้ายทรีย์ก่อน(นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำแบบผิวน้ำหรือสน็อกเกิ้ล)


คุณป๋าก็ลงน้ำได้ด้วยนะคะ...น้ำตื้นมากๆ


มะปรางไม่รอใครแล้ว ขอดำน้ำก่อนเลย




แค่ยืนก้มหน้าก็เห็นปะการัง ชัดแจ๋วเลยค่ะ







ปราง...เหนื่อย


คนขับพาย้ายไปดำน้ำที่เกาะจานค่ะ


นี่ไม่ใช่คนขับนะคะ...แค่อยากมีส่วนร่วมเท่านั้นเอง


เกาะจานเป็นเกาะสัมปทานรักนกนางแอ่น จึงเป็นสถานที่สงวนสำหรับประชาชนทั่วไปที่จะเข้าไปเที่ยว
แต่พวกเราเข้าไปกับ จนท.อุทยานเลยไม่มีปัญหาใดๆ


คุณป๋าถามแม่ตุ๊กว่าเรือลำนี้จะราคาสักเท่าไรนะ?.....ถามเหมือนอยากจะซื้อไว้บ้างเนอะ


น้ำที่นี่ก็ตื้นมากเช่นกัน


เมื่อน้ำลงแล้วทั้ง 2 เกาะ จะมีหาดโผล่ขึ้นมาคล้ายรอยต่อของทะเลแหวก ที่กระบี่ สามารถเดินข้ามไป-มา ระหว่างเกาะจานและเกาะท้ายทรีย์ได้ แต่หาดที่โผล่ขึ้นมาเป็นโขดหิน ไม่ใช่ทรายมีระยะห่างกันไม่มาก
โดยปกติคนจะนิยมดำน้ำทางเกาะจานมากกว่า




มะปรางทิ้งแม่ตุ๊กกับคุณป๋า ไปดำน้ำกับคุณตา...ออกไปไกลมากๆๆๆ


ตรงนี้น้ำใสกว่าที่เกาะท้ายทรีย์ค่ะ




สีม่วงๆนี้น่าจะเป็นดอกไม้ทะเลนะคะ มีเยอะมากๆ




ปะการังมากมาย ต้องระวังอย่าไปเหยียบมันนะคะ(สงสารเดี๋ยวจะหักหมด)






มีปลาตัวเล็กๆ ว่ายเร็วมากถ่ายรูปไม่ทันเลย


ปลิงทะเล น่ากินมากกก...


ดำน้ำอยู่ร่วม 2 ชม.หมดแรง(มะปรางบอกว่า batt. เหลือ 5% ต้องชาร์ตแล้ว) ขึ้นมาเติมพลังทานขนมบนเรือ
มีน้ำดื่มแจกฟรีคนละขวด


ทานเสร็จไปเดินเล่นบนฝั่งกันค่ะ


คุณตากับหลานรัก(มากกกก)


บนเกาะจานมีหาดทรายขาวละเอียดยาวประมาณ 100 เมตร มีแนวปะการังสวยงามบริเวณท้ายเกาะ ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของปลาจำนวนมาก ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยว ควรมาในช่วงฤดูร้อน เพราะคลื่นลมค่อนข้างสงบ


มะปรางเริงร่ามาก




ข้างๆกันมีเรือที่มาจากอ่าวมะนาวด้วย(แม่ตุ๊กไม่รู้มาก่อนค่ะ)
แต่เรือจะลำเล็กกว่าและใช้เวลาเดินทางนานกว่า


เดินเล่นบนเกาะ หาดทรายขาวละเอียดดีค่ะ




ใกล้เที่ยงได้เวลาเดินทางกลับแล้วค่ะ


มาถึง อช.วนกร อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ทานอาหารเที่ยงคนละจานค่ะ


เดินทางต่อไปพม่ากันค่ะ...ด่านสิงขร จากถนนเพชรเกษมขับเข้าไปอีกประมาณ 10 กม.


ถึงแล้วค่ะ


ด่านสิงขร เป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าระหว่างชายแดนไทยและพม่าที่แคบที่สุดในประเทศไทย


จุดที่แคบที่สุดของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะอยู่ที่ ต.ห้วยทรายซึ่งวัดระยะได้ 10.96 กม.วัดตามแนวจากสันปันน้ำของทิวเขาตะนาวศรีจนถึงฝั่งทะเล ตามแนวที่ตัดผ่านหลักกิโลเมตร 340.4 บน ถ.เพชรเกษม
ซึ่งบริเวณนั้นก็จะมีป้ายบอกว่าแคบที่สุดของประเทศไทย




วันนี้คนเยอะมาก รถติดร่วมกิโล เพราะเป็นวันเสาร์และยังมีงานสงกรานต์อีกด้วย


แวะไหว้พระที่ศาลเจ้าพ่อหินกอง

คุณป๋าจอดรถไว้ไกลหน่อย แล้วค่อยเดินเข้าไปในตลาด....ร้อนมากมาย


เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีจุดจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองของชาวไทยและชาวพม่า


สินค้าส่วนมากเป็นเฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้ที่ทำจากไม้แกะสลักเป็นของใช้และตกแต่งบ้าน
มีเครื่องประดับที่ทำจากหินสีและพลอยพม่า เครื่องประดับเงิน


สินค้าที่ขึ้นชื่อของที่นี่ได้แก่ กล้วยไม้ป่า เพราะป่าทางพม่ายังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก
จึงทำให้ชาวพม่าเข้าป่าไปหาของป่ามาขายให้กับคนไทย


กล้วยไม้หลายพันธ์ เช่น กระเช้าสีดา หวายสี กล้วยไม้ดิน กล้วยไม้ป่า แวนด้า รองเท้านารี


ชาวพม่านำมาขายในราคาถูกมาก ตั้งขายแบกะดิน ขายกันเป็นกองๆละ 20 บ. คนรักกล้วยไม้ไม่ควรพลาด


บางครั้งมีการเปิดด่านให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปในส่วนของหมู่บ้านบูด่อง(หมู่บ้านเล็กๆ) เพื่อดูวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของหมู่บ้านชายแดน โดยมีรถสองแถวให้บริการนักท่องเที่ยว แต่เส้นทางจะทุรกันดารมาก ไปได้แค่เช้าเย็นกลับ ไม่สามารถค้างคืนได้


อากาศร้อนมากจนตัว(ไขมัน)จะละลายแล้ว คุณป๋าชวนกลับกันค่ะ


กลับมา รร.นอนพักสักตื่น ช่วงเย็นมะปรางขอว่ายน้ำที่สระประมาณ 1 ชม. แล้วก็อาบน้ำ
เวลาประมาณ 17:00น. ออกไปขับรถเล่นที่ชายทะเลกันค่ะ




สัญลักษณ์ของอ่าวมะนาว





แม่ตุ๊กเพิ่งมาเห็นว่าในกองบินก็มีบริการเรือไปดำน้ำ(อุตส่าห์ขับรถไปถึงหาดวนกรเลย)




ที่ชายทะเลก็ยังมีคนมาอย่างหนาแน่น


เด็กเดินเก็บหอย(อีกแล้ว)


รพ.กองบิน 5 (แห่งใหม่)...แม่ตุ๊กเคยอยากมาทำงานที่นี่นะคะ


ในกองบิน 5 นี้คุณป๋าบอกว่า
**เป็นส่วนราชการตัวอย่างที่มีการจัดการท่องเที่ยวได้ดีอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด**
(เท่าที่พวกเราเคยไปมา)มีการบริการทุกอย่างครบ ที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของ สนามเด็กเล่น สนามกอล์ฟ ฯลฯ แม้แต่ปั๊มน้ำมันก็ยังมีเลยค่ะ




เย็นนี้นัดกับคุณตาไปทานอาหารเย็นที่บ้านลุงปาน ชื่อร้าน"ครัวป้าปัง-เค้กแช่เย็นคลองวาฬ"
ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยค่ะ แม่ตุ๊กมัวแต่คุยกับญาติๆทั้งหลาย อาหารที่นี่อร่อยและถูกมากๆค่ะ


วันอาทิตย์ที่ 15 เม.ย. 2555 เวลาประมาณ 08:30น.

ทานอาหารเช้าเสร็จก็เช็คเอ้าท์ แล้วออกเดินทางกลับหาดใหญ่ค่ะ


มะปรางหมดแรงหลับในรถ คุณป๋าขับรถรวดเดียวทำเวลาดีมาก แต่มารถติดที่สี่แยก อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ร่วม ชม. ทำให้มาถึงหาดใหญ่เย็นไปหน่อย (16:30น.) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชม.