TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2557/01/01

3.อนาวิลล่าตังเก รีสอร์ท-วัดคูหาสวรรค์-วัดวัง-วังเจ้าเมือง-วัดป่าลิไลยก์

วันอังคารที่ 31 ธ.ค. 2556

เวลา 16:30 น.วันนี้เที่ยวกันตั้งแต่เช้าจนเย็น หมดแรงทุกคน. เดินทางกลับที่พักคืนนี้ค่ะ
อนา วิลล่า ตังเก รีสอร์ท   ตั้งอยู่ที่เดียวกับ ครัวตังเก  http://www.anavilla.com/



เป็นรีสอร์ทที่ดูใหม่ สวยน่ารักมาก. ไม่ติดทะเล แต่ก็มีบรรยากาศและกลิ่นไอทะเล ทั่วๆรีสอร์ทค่ะ



เรือตังเก (เรือหาปลา) สัญลักษณ์ของรีสอร์ท ตั้งเด่นอยู่ตรงทางเข้าเลยค่ะ



ไปเช็คอิน ที่ประภาคารด้านหน้า. แม่ตุ๊กจองห้องพักที่ใหญ่ที่สุดไว้ค่ะ. ห้องปะการัง



เปิดประตูเข้าไป..... ห้องสวยมากๆๆๆ ทั้งใหม่ ใหญ่ กว้าง และสะอาด
ห้องปะการัง ห้องพักสไตล์โมเดิร์นสีขาวที่เรียงรายอยู่กลางบึง ให้กลิ่นไอของทะเลด้วยการออกแบบดีไซน์ห้องให้เป็นเหมือนระลอกคลื่นและการตกแต่งภายในที่ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังพักผ่อนอยู่ริมชายหาด




แอร์ ทีวี ตู้เย็น ชุดรับแขก อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ครบทุกอย่าง



ทุกอย่างตกแต่งแบบทะเล(หอยเต็มห้องเลยค่ะ555)



ห้องน้ำสีสดใส. ตรงส่วนเปียกทำเป็นบันไดลงไป 2 ขั้น. ออกแบบเป็นอ่างอาบน้ำด้วยค่ะ




เปิดประตูออกไปที่ระเบียงก็พบกับวิวบึงน้ำและภูเขา




เปลี่ยนชุดไปว่ายน้ำกันดีกว่า. สระไม่ใหญ่แต่มีจากุชชี่เล็กๆด้วยนะคะ



ตอนนี้ 2พ่อลูก เป็นเจ้าของสระ. มีโลมาสีชมพูพ่นน้ำด้วย



18:00 น. ได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปทานอาหารที่ครัวตังเกกันค่ะ
ร้านอาหารอยู่ริมคลองขนอม มีป่าโกงกางเป็นธรรมชาติสุดๆ ทางรีสอร์ทมีเรือนำเที่ยวบริการล่องเรือ
 ชมทิวทัศน์คลองขนอมและ ชมหิ่งห้อย (แต่ตอนนี้ไม่มีหิ่งห้อยค่ะ)




ร้านอาหาร ครัวตังเก เป็นร้านอาหารชื่อดังแห่งเมืองขนอม พร้อมอาหารทะเลสดๆ 
จากกิจการเรือประมง(เรือตังเก)ของทางร้านโดยตรง ทำให้อาหารทะเลสดใหม่เสมอ




สั่งเมนูแนะนำเลยค่ะ. ต้มยำรวมมิตรทะเล กุ้งอบวุ้นเส้น ปลาหมึกไข่ทอดกระเทียม
แค่ 3 อย่างก็เต็มโต๊ะแล้วค่ะ จานใหญ่มากๆ. มื้อนี้เราทานทะเลครบทุกชนิด กุ้ง หมึก หอย ปลา ปู



อาหารสดและอร่อยมากๆๆสมคำร่ำลือ(ให้ 10 เต็ม) ทานหมดเรียบทุกจาน
ค่าอาหารมื้อนี้ 500 กว่า บาทเองค่ะ




ร้านอาหารที่นี่เปิดถึง 21:30 น. มีลูกค้าขับรถมาทานกันเต็มร้านเลยค่ะ
ทานเสร็จเดินย่อยอาหารรอบรีสอร์ท 1 รอบ




กลับมาห้องพักยังมีแรงเหลือ. มะปรางวิ่งเล่นไล่จับกะคุณป๋ารอบห้องกันค่ะ(ห้องกว้างจริงๆ)




Relaxing time



วันพุธที่ 1 ม.ค. 2557

เวลา 7:00 น.ฝนตกรับปีใหม่แต่เช้า วันนี้ตื่นสายหน่อยค่ะ



พอฝนหยุดก็เดินออกกำลังกายรอบรีสอร์ทอีกครั้ง



ชอบรีสอร์ทนี้ค่ะ. เหมาะกับการพักผ่อนที่สุด







ทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารครัวตังเกค่ะ เป็นบุฟเฟต์มีกับข้าว 3 อย่าง กะเพราไก่ ไข่ดาว แกงจืด 



ทานเสร็จก็เดินกลับที่พัก
ทางเดินน่ารัก



ครอบครัวเราชอบรีสอร์ทนี้ที่สุดค่ะ เงียบสงบ สะอาด สบาย อาหารอร่อย



เสียดาย.... พรุ่งนี้วันทำงาน ต้องเดินทางกลับกันแล้วค่ะ




เวลา 9:00 น. ออกเดินทางกลับบ้าน เช้านี้มีเมฆมาก ฝนตกปรอยๆตลอดทาง




แวะเที่ยวหาดสิชลโดยเดินทางจากตัวอำเภอสิชล เลี้ยวขวาไปทางบ้านปากน้ำ 3 กิโลเมตร ถึงหาดสิชล 




น้ำทะเลขึ้นมาก คลื่นก็แรง ไม่มีหาดให้เดินเล่นเลยค่ะ แต่ลมเย็นสบายดี





ชาวท้องถิ่นเรียกกันว่า หัวหินสิชล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมานานของอำเภอสิชล บริเวณชายหาดเป็นแนวหินไปจนจดหาดทรายโค้ง 



ทั้งหาดมีแต่3คน พ่อแม่ลูกนี้เท่านั้น 




ขับรถต่อยาวมาถึงอำเภอเมืองพัทลุง เข้าไปในเมืองแวะไหว้พระที่วัดคูหาสวรรรค์อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดพัทลุงประมาณ 800 เมตร 

วัดคูหาสวรรค์ (พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ) เป็นศาสนสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดพัทลุง เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและเป็นโบราณสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดพัทลุง 



โบสถ์ปิดค่ะ เลยไปไหว้หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่ศาลาด้านหลัง




วัดคูหาสวรรค์ ตั้งอยู่เชิงเขาคูหาสวรรค์ใกล้ๆตัวตลาดพัทลุง อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเชิงเขา
หัวแตก ต.คูหาสวรรค์ ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “วัดคูหาสูง” หรือ “วัดสูง” 




ขึ้นไปไหว้พระบนถ้ำกันค่ะ




ภายในถ้ำคูหาสวรรค์มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ 1 องค์ และพระพุทธรูปปูนปั้น ปั้นด้วยดินเหนียวเรียงแถวเป็นระเบียบทางด้านทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันตก รวม 37 องค์ 




สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ 
ในอดีตพระมหากษัตริย์หลายพระองค์เคยเสด็จประพาสที่นี่ 







วัดวัง 

อยู่ ต.ลำปำ ห่างจากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 4047ประมาณ 6 กม.(ทางเดียวกับเขาอกทะลุ)  




เป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของ จ.พัทลุง  เดิมเป็นวัดโบราณ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัย
กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ต่อมาได้สร้างขึ้นใหม่โดยพระยาพัทลุง (ทองขาว)  ในสมัยรัชกาลที่ 3






 บริเวณระเบียงคดโดยรอบมีพระพุทธรูปปูนปั้น 108 องค์ 




สิ่งสำคัญของวัดวังคือ พระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ 




หน้าต่างและประตู ดูแปลกตาดีค่ะ




ที่นี่เคยเป็นสถานที่ทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาในสมัยรัตนโกสินทร์ ต่อมาเมื่อย้ายเมืองพัทลุงไปตั้งที่ตำบลคูหาสวรรค์ วัดวังก็ชำรุดทรุดโทรมลง และได้มีการบูรณะขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2512




ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสีฝุ่น สันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 กล่าวกันว่า
เป็นฝีมือช่างคณะเดียวกับที่เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและเทพชุมนุม 






วังเจ้าเมืองพัทลุง   ตั้งอยู่ใกล้กับวัดวัง  

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ – วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์  เวลา 9.00-12.00 น. 
และ 13.00-16.00 น. เสียค่าเข้าชมคนไทย 5 บาท ชาวต่างประเทศ  30 บาท 




เดิมเป็นที่ว่าราชการและเป็นที่พักอาศัยของเจ้าเมืองพัทลุง 




วังเก่าอยู่ด้านหน้า เป็นเรือนไม้ขนาดใหญ่ 



ปัจจุบันยังเหลืออยู่ส่วนหนึ่งคือ วังเก่า สร้างในสมัยพระยาพัทลุง (น้อย จันทโรจวงศ์) เป็นผู้ว่าราชการ 
ต่อมาวังได้ตกทอดมาจนถึงนางประไพ มุตามะระ บุตรีของหลวงศรีวรฉัตร






ด้านหลังเป็นวังใหม่ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2432 โดยพระยาอภัยบริรักษ์จักราวิชิตพิพิธภักดี (เนตร  จันทโรจวงศ์) บุตรชายของพระยาพัทลุงซึ่งเป็นเจ้าเมืองพัทลุง 



 ปัจจุบันทายาทตระกูล “จันทโรจวงศ์” ได้มอบวังนี้ให้เป็นสมบัติของชาติและกรมศิลปากรได้ประกาศ
ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานวังเก่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม  พ.ศ. 2535
 และวังใหม่ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2526




เดินไปด้านหลังสุดจนถึงริมน้ำ มีศาลานั่งเล่น และมีเรือพัทลุงจอดอยู่ค่ะ


วัดป่าลิไลยก์ ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๗ ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “วัดป่า” 
เดิมวัดนี้เรียกว่า “วัดป่าชัน” “วัดป่าเรไร”และเปลี่ยนเป็น “วัดป่าลิไลยก์” 



ตามทำเนียบวัดจังหวัดพัทลุงระบุว่าวัดนี้สร้าง เมื่อปี พ.ศ.2247 
ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชาแห่งกรุงศรีอยุธยา





ในปัจจุบัน วัดนี้กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ และได้รับการพัฒนาวัด
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดพัทลุง




มีทางเดินไปในทะเลเพื่อไปไหว้พระที่ศาลากลางทะเล





รอบๆเป็นป่าชายเลน



เหมือนยืนอยู่กลางทะเลเลยนะคะ




ที่เห็นอยู่ทางขวามือไกลๆนั่นคือหาดแสนสุขลำปำ



ตรงส่วนนี้ทำเหมือนหัวเรืออยู่ในทะเล มองลงไปก็เสียวเหมือนกัน มีคราบน้ำทะเลขึ้นมาด้วยค่ะ



ตอนนี้ค่อนข้างทรุดโทรมค่ะ ป้ายก็หลุดเสียหายหมดแล้ว



ไหว้พระ-ทำบุญ



โบกมือลาพัทลุง เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ