TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2560/12/03

3.เดินเที่ยวในตัวเมืองปารีส

วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2560

เวลา 8:00 น.วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการท่องเที่ยวทริปนี้ค่ะ ทานอาหารเสร็จออกมาเดินเล่นด้านหน้าโรงแรม
อุณหภูมิเช้านี้ 10 องศา หมอกลงจัดมากค่ะ 


 ขึ้นรถบัสเดินทางเข้าไปเที่ยวในเมืองปารีสกันค่ะ ลงรถที่หน้าห้างลาฟาแยต
วันนี้เราจะเดินเที่ยวกันค่ะ เรียกว่าเป็นซิตี้ทัวร์สองเท้า

เดินไปถึงโรงอุปรากรปาแลการ์นีเย่ (Palais Garnier) หรือ Paris Opera   

Paris Opera ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปารีสสร้างโดย Charles Garnier (ชาร์ล การ์นีเย่)
 ตามแบบสถาปัตยกรรมฟื้นฟูบาโรก ถือว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของยุค

ตอนแรกมีชื่อว่า Academie Nationale de Musique – Theatre de l’Opera 
ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนเป็น Theatre national de l’opera de paris 
และครั้งสุดท้ายเมื่อมีโรงละครสร้างขึ้นใหม่ ถูกเปลี่ยนเป็น Palais Garnier หรือ Paris Opera

ตกแต่งโดยใช้หินอ่อนหลากสี และรูปแกะสลักเป็นแนวกรีกโรมัน 
ระหว่างเสาด้านหน้าเป็นประติมากรรมสำริดครึ่งตัวของกวีเอกหลายคน เช่น โมสาร์ท,รอสซินี,บีโทเฟนฯลฯ
ประติมากรรมนี้สร้างโดย ฟรองซัวส์ จูฟฟรอย


มีเนื้อที่ถึง 11,000 ตารางเมตร และรองรับคนดูได้ประมาณ 2,000 กว่าคน
เนื่องจากมีขนาดใหญ่มาก ต้องเดินข้ามถนนมายืนตรงเกาะกลางถึงจะเก็บภาพได้หมด  

กลางหลังคาเป็นประติมากรรม อพอลโล,กวีนิพนธ์ และดนตรี (อันตรงกลางมองเห็นไม่ชัด)




เดินกันต่อค่ะ ต้องดูทั้งแผนที่ และ google map ไปตลอดทาง55 


เดินชมตึกสวยๆและถ่ายรูปไปเรื่อยๆก็เพลินมากค่ะ 


หอศิลป์ Gallerie Colbert 


ตึกหน้าตาคล้ายกันมาก แถมยังมีถนนแยกหลายเส้นทางแต่มากับคุณป๋าไม่หลงทางแน่ๆค่ะ
เมืองนี้มีทางม้าลายให้เดินข้ามเยอะมาก


ดูจากแผนที่ตรงนี้น่าจะเป็นประตูทางเข้าสวนสาธารณะ Jadin du Palais Royal


วงเวียนห้าแยกมีอนุสาวรีย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ตั้งอยู่ตรงกลาง


Statue of Louis XIV 

Banque de France ธนาคารฝรั่งเศส




Diesel Shop  


ร้านขายดอกไม้ ผลไม้ (กล้วยหอมลูกละ 1 ยูโร)


Franprix ร้านสะดวกซื้อของฝรั่งเศส มีสาขามากมาย 


ร้านคุ้กกี้กลิ่นหอมมากๆ ชิ้นละ 2 ยูโร สงสัยชิ้นใหญ่แน่ๆเลย


โบสถ์ แซ็งเตอสตาช (Saint Eustache Church) 
ด้านหน้าทางเข้าของโบสถ์ มีรูปปั้น L’ecoute ของ Henri de Miller 
แต่ตอนนี้ด้านหน้าปิดซ่อมแซมอยู่ค่ะ พวกเราเลยไม่ได้เดินไปชม


ภาพจาก Wikipedia : รูปปั้น L’ecoute ของ Henri de Miller

เป็นหนึ่งในโบสถ์ชื่อดังที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองปารีส ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เขตการปกครองที่ 1 
 เดินเข้าประตูด้านข้างไปชมโบสถ์ด้านในกัน เข้าชมฟรีค่ะ


ขนาดของโบสถ์มีความยาว 105 เมตร กว้าง 33.44 เมตร เพดานด้านบนประดับด้วยกระจกสีหลายรูปภาพ


โบสถ์นี้ยังเป็นสถานที่สำำหรับประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในการทำำพิธีศีลมหาสนิท ,พิธีสำำคัญของคนทีชื่อเสียงมากมาย เช่น โมสาร์ท และเป็นสถานที่ฝังศพของบุคคลที่มีชื่อเสียงด้วย


สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่สวยงาม ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนานถึง 105 ปี 


อ่านจากอินเตอร์เน็ตบอกว่า Pipe Organ ของโบสถ์นี้ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส 
ตอนนี้มีคนกำำลังบรรเลงเพลงอยู่ค่ะ เสียงดังกังวานไปทั่วโบสถ์ 


Paintings of the Chapel of the Virgin รูปภาพขนาดใหญ่อยู่ด้านหลังพระแม่มารี

รูปทางซ้าย: The Virgin of the star sailors
รูปตรงกลาง: The triumphant Virgin adored by angels
รูปทางขวา: The Virgin comforting the afflicted 


Education of Louis IX (St. Louis Chapel) 

งานไม้แกะสลักอ่อนช้อยงดงาม 




จำำหน่ายภาพโปสการ์ดของโบสถ์ 

แผนผังภายในโบสถ์ 


ออกมาถ่ายรูปด้านนอกโบสถ์ก่อนกลับค่ะ 


ด้านหน้าโบสถ์เป็นสวนหย่อมขนาดใหญ่ : Jadin Nelson Mandela 


ไปปงเนิฟกันค่ะ เดินไปตามป้ายที่ชี้บอกทาง 


ตลอดทางเดินริมแม่น้ำแซนน์จะมีร้านขายของสะสม,รูปภาพ,ของที่ระลึกทั้งของเก่าและของใหม่ 


ปงต์เนิฟ(Pont Neuf) หรือ สะพานเนิฟ 
เป็นสะพานเก่าแก่ที่สุดในกรุงปารีส มีความสำำคัญต่อชาวฝรั่งเศสเพราะเชื่อมต่อเมือง 37 เมือง
และเชื่อมสองฝั่งของแม่น้ำแซน(The Seine)เข้าหากัน 
มีการแกะสลักตกแต่งขอบสะพาน,ขอบบัวเชิงสะพานให้สวยงาม 

 ตัวสะพานแบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดยช่วงนี้เป็นส่วนที่ประกอบด้วยฐานโค้งจำำนวน 7 ฐาน 
เชื่อมจากฝั่งขวาของแม่น้ำแซนไปยังส่วนที่เป็นเกาะอีลเดอลาซีเต (Ile de la Cite) 


บนสะพานเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม 

ปงต์เนิฟ แปลความหมายตรงตัวว่า สะพานใหม่” ถูกยกให้เป็นสะพานที่กว้างที่สุดด้วย
เริ่มสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอ็องรีที่ 3 ปี ค.ศ. 1578 เสร็จสิ้นในสมัยพระเจ้าอ็องรีที่ 4 ปี ค.ศ.1607 ใช้เวลาประมาณ 30 ปี โดยสถาปนิกชื่อ Baptiste Androuet du Cerceau 


มีการปรับปรุงสะพานครั้งใหญ่ในปี ค.ศ.1994 เสร็จสิ้นในปี ค.ศ.2007 
และได้เฉลิมฉลองครบรอบ 400 ปีของสะพาน

สะพานข้างหน้าคือ Pont au Change 
เชื่อม Palais de Justice,Conciergerie(ทางขวามือ) และ Place du Chatelet(ทางซ้ายมือ)


ถ้าเดินตรงไปข้างหน้าจะพบกับพระบรมรูปทรงม้าของพระเจ้าอ็องรีที่ 4 และเป็นสะพานช่วง 2 ที่ประกอบด้วยฐานโค้งจำำนวน 5 ฐาน เชื่อมระหว่างฝั่งซ้ายของแม่น้ำเข้ามากับอีลเดอลาซีเต  


พวกเราไม่ได้เดินตรงไปข้ามสะพานอันหน้าเพราะจะเดินเล่นบนเกาะนี้ก่อนค่ะ เลี้ยวซ้ายไปตามป้าย


Pont Neuf เป็นจุดหมายปลายทางของคู่รักทั่วโลกด้วยความเชื่อที่ว่าคู่รักใดที่มาสะพานแห่งนี้หากได้อธิษฐานเรื่องความรัก พร้อมคล้องกุญแจร่วมกันก่อนที่จะโยนลูกกุญแจทิ้งลงในแม่น้ำแซน ความรักของทั้งคู่จะคงอยู่ตลอดกาลไม่มีวันพลัดพลาดจากกัน เป็นการแสดงความรัก คำำสัญญาที่มีให้แก่กัน


กงซีแยร์เฌอรี Conciergerie หรือ Palais de la Cite เป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ 
อาคารส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นศาลฎีกาฝรั่งเศส 


มีกุญแจคู่รักคล้องอยู่ตลอดแนวริมทางเดิน


อาคารตรงกลางคือศาลฎีกาฝรั่งเศส Palais de Justice de Paris
ทางซ้ายมือคือโบสถ์แซงท์ ชาแปลล์(Sainte Chapelle) เป็นโบสถ์เก่าแก่นิกายโรมันคาทอลิก 
สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บ เรลิกซ์แห่งแซงท์ ชาแปลล์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ทรมานพระเยซู 


โบสถ์นี้สร้างในบริเวณพระราชวังจึงมีรั้วมิดชิด ปัจจุบันอยู่ในเขตรั้วของศาล ถ้าไม่สังเกตุดีๆจะมองไม่เห็น เพราะโดนอาคารด้านหน้าบังหมดเลยค่ะ มีทางเข้าเล็กๆอยู่ด้านใน 

มองไกลๆเห็นยอดแหลมของโบสถ์ 


ด้านหน้าคือ ร.พ.ทั่วไป


 Hotel Dieu Hospital


มหาวิหารนอเทรอดาม (Cathedral Notre-Dame de Paris ) 
เป็นหนึ่งในมหาวิหารชื่อดังของโลก และเป็นโบสถ์คาทอลิกที่สวยงามที่สุดในลักษณะโกธิกแบบฝรั่งเศส

ตัวอาคารมีความสูงถึงยอด 69 เมตรโดยมีระยะเวลาการก่อสร้างนาน ตั้งแต่ ค.ศ. 1163 เสร็จเมื่อ ค.ศ. 1345 




นั่งพักเติมพลังก่อนค่ะ


ด้านนอกอาคารมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไปในแต่ละด้าน
แต่ด้านที่คนนิยมมาถ่ายรูปกันมากที่สุดคือด้านนี้ค่ะ(ด้านทิศตะวันตก)

 เป็นมหาวิหารแห่งแรกที่สร้างในสไตล์โกธิค มีงานแกะสลักงดงามเกี่ยวกับศาสนาและวัฒนธรรม

 Zero Point Roads France ตำำแหน่ง กม.ที่ศุนย์ หรือสะดือเมืองปารีส ตั้งอยู่ด้านหน้าโบสถ์ 
ดูจากพิกัดน่าจะอยู่บริเวณด้านหลังนี้นะคะ พวกเราก็ไม่ได้เดินหาให้ละเอียด

ขึ้นไปชมหอคอยจะต้องเสียเงิน โดยมหาวิหารนอเทรอดามมีอยู่สองหอคอย(ฝั่งซ้าย-ฝั่งขวา) 
มีคนต่อคิวขึ้นไปชมสถาปัตยกรรมภายในและภาพวิวมุมสูงจากบนหอคอยจำำนวนมาก 


ด้านข้างทางขวาของโบสถ์คือสวน Square JeanXXIII 


เดินย้อนกลับไปทางเดิมข้ามแม่น้ำที่ Pont Saint Michel 


มองย้อนกลับไปเห็นยอดหอคอยของโบสถ์นอเทรอดาม

ข้ามสะพานมาเดินเล่นอีกฝั่งของแม่น้ำกันค่ะ ด้านหลังคือน้ำพุแซงค์มิเชล 

น้ำพุแซงค์มิเชล Fontain Saint-Michel
เป็นอนุสาวรีย์เก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่ ค.ศ.1858 มีความสูง 26 เมตร ตรงกลางเป็นรูปนักบุญไมเคิลกำำลังปราบปีศาจ รูปปั้นมังกรบิน 2 ตัววางอยู่ด้านข้างน้ำพุ ตอนหัวค่ำจะเปิดไฟสวยงาม 

ตอนนี้เวลา 12:30 น. พักทานอาหารเที่ยงที่ร้านนี้กันค่ะ ร้านค่อนข้างใหญ่และมีที่นั่งด้วย


สั่งอาหารเสร็จก็ออกมานั่งทานด้านนอก

ขนมปังร้อนๆเหมาะกับอากาศเย็นๆแบบนี้ที่สุด 


ทานเสร็จก็ออกเดินเล่นกันต่อค่ะ 

ตอนบ่ายร้านขายของริมแม่น้ำเปิดกันเกือบทุกร้านแล้วค่ะ 




มองลงไปมีทางเดินเลียบแม่น้ำแซน คุณป๋าชวนลงไปเดินด้านล่างกันค่ะ 

ข้างล่างร่มรื่นและเย็นกว่าด้านบนค่ะ ที่สำำคัญไม่มีรถพลุกพล่าน 

มีเรือสวยๆจอดอยู่หลายลำำ บางลำำเป็นเหมือนบ้านด้วยค่ะ 


ด้านหลังคือ Pont des Arts ปงเดซาร์
เป็นสะพานคนเดินเชื่อมระหว่างสถาบันแห่งฝรั่งเศสกับจตุรัสหน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์(ทางขวามือ) 
เป็นสะพานเหล็กแห่งแรกของปารีส ตั้งชื่อตามชื่อเดิมของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Palais des Arts) 

เรือนำำเที่ยวขนาดใหญ่ จอดตามสถานที่สำำคัญ 8 แห่ง  

ข้างหน้าคือ Pont du Carrousel ตรงหัวสะพานมีรูปปั้น La Seine ของ Louis Petitot

เป็นสะพานที่เชื่อมไปยังสวนตุยเลอรี่ บริเวณประตูชัยแห่งการูแซล 


ใบไม้สีเหลืองตลอดทางเดิน 

ตรงสะพานด้านหน้าสิ้นสุดทางเดินเลียบแม่น้ำต้องขึ้นบันไดไปเดินด้านบนค่ะ

เดินขึ้นบันไดจะพบกับพิพิธภัณฑ์ออร์แซ (Musee d’Orsay หรือ Orsay Museum) 


ที่นี่เคยเป็นสถานีรถไฟเก่า โดยเมื่อก่อนนั้นสถานีรถไฟออร์แซมีขนาดเล็กบริเวณส่วนของชานชาลานั้นไม่สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพียงพอ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สถานีรถไฟออร์แซถูกลดการใช้ประโยชน์ วิ่งรถไฟได้เพียงแค่ระยะสั้นๆเท่านั้น 

ทางรัฐบาลได้ตกลงประชุมกันและปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์แทน 
ตอนนี้จึงกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานศิลปะทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสไว้ 


ส่วนหนึ่งของใต้ดินที่นี้ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของรถไฟใต้ดินสำำหรับสถานีรถไฟออร์แซด้วย 

หน้าประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์มีรูปปั้นของแรดจากนักประติมากรรมชื่อดังประดับอยู่ 

พิพิธภัณฑ์มีทั้งหมด 3 ชั้น เดินชมกันได้ทั้งวันเลยค่ะ แต่ด้านในห้ามถ่ายรูป 


มีผลงานศิลปะหลากหลายแขนงตั้งโชว์ไว้ที่นี่มากกว่า 2000 ชิ้น และงานประติมากรรมมากกว่า 600 ชิ้น




ด้านนอกมีประติมากรรมอันงดงามวางเรียงราย



เดินเล่นจนรอบพิพิธภัณฑ์ก็ไปเที่ยวกันต่อค่ะ 


ด้านหลังคือสะพานลีโอโพลด์ เซดา เซงเกอร์ เป็นสะพานคนเดิน
มีรูปปั้นประธานาธิบดี โทมัส เจฟเฟอร์สัน อยู่ตรงหัวสะพาน 

ถึงสะพาน เดอ ลา คองคอร์ด (Pont de la Concorde) มีป้ายประวัติให้อ่านด้วยค่ะ

Palais Boubon กำำลังซ่อมแซม 




หยุดชมวิิวและถ่ายรูปบนสะพาน พอมองย้อนกลับไปเห็นหอไอเฟลด้วยค่ะ


ยืนตรงกลางสะพานมองไปทางซ้ายเห็นสะพานอะเลคแซนเดอร์ที่ 3 
หรือ ปงอาแล็กซ็องดร์-ทรัว (pont-alexandre-iii) 
คนฝรั่งเศสยกย่องว่าเป็นสะพานที่สวยที่สุดในกรุงปารีส ซึ่งทางรัฐบาลฝรั่งเศสได้จดและขึ้นทะเบียน
เป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของประเทศด้วย 

เสาหลักมีรูปปั้นเพกาซัสสีทองที่ทำำจากทองสำำริด เป็นเสาที่สวยงามโดดเด่นและรักษาสมดุลของสะพาน 


เดินไปจตุรัสคองคอร์ด ผ่านรถสามล้อขายเครป กลิ่นหอมมากๆ 


ด้านหลังคือปลัสเดอลาคองคอร์ด (Place de la Concorde)
 เป็นจตุรัสที่อยู่ใจกลางเมืองและใหญ่ที่สุดในกรุงปารีส สร้างในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15
มีพื้นที่ทั้งหมด 86,400 ตารางเมตร


โดดเด่นด้วยเสาโอเบลิสก์ตรงกลางจตุรัส ด้านข้างเป็นน้ำพุสวยงาม

เป็นสถานที่จัดงานสำำคัญหลายอย่าง และยังเป็นที่ซึ่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อังตัวเนต 
ถูกประหารชีวิตด้วยกิโยติน ในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส


เสาโอเบลิสก์ (Obelisk of Luxor) สูง 23 เมตร อายุกว่า 3,000 ปี 

ทางซ้ายมือคือชองเอลิเซ่ มีรูปปั้นอยู่ตรงหัวถนน


Fontaine de la Concorde น้ำพุมีสองอันอยู่ด้านข้างเสาโอเบลิสก์ทั้งสองด้าน 


Hotel de la Marine 

โบสถ์ลามาดแลน Le Madeleine อยู่ห่างจากจตุรัสคองคอร์ดประมาณ 500 เมตร
เป็นโบสถ์สำำคัญของคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ถือว่าเป็นเทวสถานยุคโรมันที่สมบูรณ์ที่สุดที่เหลืืออยู่ในยุคปัจจุบัน 

เดินย้อนกลับทางเดิม ผ่าน ปารีสโอเปร่า


เวลา 15:00 น.กลับมาทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารจีนหลังแกลอรีลาฟาแยต 


อาหารมีให้เลือกเยอะดีค่ะ อยากทานอันไหนก็ชี้ เค้าคิดเงินตามน้ำหนัก 


ทานอาหารเสร็จเข้าไปเดินเล่นในห้างกันค่ะ 

ห้างมีสามชั้นใหญ่โตตกแต่งอลังการมากๆค่ะ

.


เวลา 17:00 น.ออกเดินทางไปสนามบิน ชาร์ลเดอโกลล์ CDG Paris ระยะทางประมาณ 25 กม.
เวลา 18:00 น. ถึงสนามบิน เช็คอิน ผ่าน ตม.เสร็จก็เดินเล่นซื้อขนมและของที่ระลึก 




สนามบินนี้ไม่ใหญ่มาก แต่ทางเลื่อนที่จะเดินไปเกทนั้นยาวมากๆค่ะ.


 เวลา 22:00 น. ออกเดินทางกลับเมืองไทยด้วยเที่ยวบิน QR038


 วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2560 แวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุงโดฮา
เวลา 19:00 น.เดินทางถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ